คราวที่แล้วเราได้หลักการพัฒนาคุณภาพในการทำงานมาแล้ว
(อย่าลืมส่งนะจ๊ะ) ที่นี้เรามาดูว่าในโลกปัจจุบันมีการแข่งขันสูง
ตอนนี้คนว่างงานหรือตกงานมากจากเหตุการน้องน้ำ
ไหนจะขึ้นค่าจ้างแรงงานซึ่งดีสำหรับลูกจ้าง และแย่สำหรับนายจ้างที่มีผลประกอบการในไตรมาสนี้ที่ตกลงไปมหาศาล
แต่การทำงานเพื่อการดำรงชีวิตยังคงต้องทำต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้นการพัฒนาการทำงานให้มีคุณภาพยังต้องดำเนินตามขั้นตอนโดยเฉพาะสถานการณ์ในตอนนี้
เริ่มจาก
- ปรับปรุง พัฒนาวิธีการทำงานโดยการลดขั้นตอนหรือเพิ่มเทคนิคบางอย่างเพื่อให้สามารถทำงานได้คล่องแคล่วขึ้น
- ค้นหาวิธีการทำงานที่ประหยัด ลดการใช้อุปกรณ์และใช้กำลังคนอย่างคุ้มค่า เพื่อเพิ่มผลผลิตในการทำงานหรือให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยนำกระบวนการทางเทคโนโลยีมาใช้ (จากวิกฤติการณ์นี้เราจะเห็นได้ว่ามีการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างมากมาย แม้ว่าจะเป็นแค่เทคโนโลยีพื้นฐาน เช่น การทำเสื้อชูชีพจากขวดน้ำพลาสติกที่เรามีจนกลายเป็นขยะล้นเมือง ส้วมที่ทำจากเก้าอี้พลาสติก หรือส้วมลอยน้ำที่มีการเพิ่มถังใส่จุลินทรีย์ที่แก้ปัญหาเรื่องน้ำเน่าเสียด้วยอันนี้เป็นเทคโนโลยีขั้นกลาง )
- พัฒนาการทำงานให้มีความถูกต้องเพื่อลดการสูญเสีย และเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน
- สุดท้ายข้อนี้ทำยากหน่อย คือพยายามสร้างหรือค้นหาวิธีการทำงานที่สร้างความพอใจให้กับตนเองและผู้อื่นมากกว่าที่เป็นอยู่
ครูมีเคล็ดลับในการทำงานซึ่งเราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันแม้ในเรื่องของการเรียน
สิ่งแรกที่เราควรทำคือ
- มองให้เห็นคุณค่าของงานที่กำลังทำอยู่ว่าได้ช่วยเหลือ เป็นประโยชน์กับใครบ้างเราจะภูมิใจ มั่นใจและมีความรักในงานนั้น จะเป็นพลังใจให้เราทำงานอย่างมีความสุข (แต่ต้องไม่ลืมว่าพลังใจที่จะมีได้นั้นต้องเริ่มมาจากการที่เราต้องรู้จักตัวเราเองก่อนว่าอะไรเป็นสิ่งที่มีค่าและต้องการมากที่สุดในชีวิต นำสิ่งนั้นมาตั้งเป็นเป้าหมายเพื่อไปให้ถึงความสำเร็จ)
- มีความกระตือรือร้น ความกระชุ่มกระชวย มีชีวิตชีวา รักการทำงาน ทำให้เรากระฉับกระเฉงอยู่เสมอจะทำให้เราได้บุคลิกใหม่ คนรอบข้างที่ทำงานด้วยก็จะมีความสุขไปกับเราด้วย
- มีสมาธิกับงาน ก่อนเริ่มงานใด ๆ ก็ตามเราต้องตั้งใจว่าจะไม่คิดฟุ้งซ่านในขณะทำงาน คิดหาวิธีแก้ไขและพัฒนางานที่ทำอยู่เป็นการฝึกการคิดวิเคราะห์อยู่ตลอดเวลา (ยากหน่อยนะจ๊ะแต่เราก็ทำได้เชื่อครูซิ)
เอาละคราวนี้เรามาดูกันว่ากระบวนการทำงานที่เป็นระบบเขาทำกันอย่างไร
เรื่องนี้เป็นที่ยอมรับกันมานานว่าสามารถทำให้แก้ปัญหาในการทำงานได้ เราเรียกว่าวงจรเดมมิ่ง
(คงเดาออกแล้วนะว่าครูจะให้ทำอะไร)
เป็นกระบวนการที่นิยมกันมากในปัจจุบันซึ่งครูเองก็พยายามใช้กระบวนการนี้อยู่
และเป็นไปได้ยากมากในการที่จะทำให้เป็นระบบครบวงจรของกระบวนการ แต่ถ้าหน่วยงานไหน
หรือใครสามารถใช้กระบวนการนี้ได้เต็มรูปแบบงานทุกชิ้นจะสามารถพัฒนาได้อย่างเห็นได้ชัดทีเดียวกระบวนการนี้ประกอบด้วบ
การวางแผน การปฏิบัติงาน การตรวจสอบงานและการปรับปรุงแก้ไขงาน ที่เราอาจได้ยินกัน
บ่อย ๆ ในวงการทั้งหลายว่า PDCA นั่นเอง
งานที่ต้องทำส่งให้ครูชิ้นต่อไปก็คือ
ให้ศึกษาโครงสร้างของวงจร PDCA แล้วทำแผนผังวงจรการทำงานของระบบ
PDCA โดยใช้วิกฤติการณ์หลังน้ำท่วมที่นักเรียนต้องกลับเข้าสู่บ้านและจัดการสิ่งหนึ่งสิ่งใดภายในบ้านของแต่ละคนตามระบบของงาน
ซึ่งขั้นตอนของ PDCA มีลำดับดังนี้ การวางแผน (Plan) การปฏิบัติงาน (Do) การตรวจสอบ (Check) การปรับปรุงแก้ไข (Action)
ส่วนอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจสามารถนำมาใช้ในการแก้ปัญหาในการทำงานได้อีกกิจกรรมหนึ่ง
และเป็นที่นิยมกันมากเมื่อสิบปีที่แล้ว
โดยมีคนนำเข้ามาใช้ในกระบวนการทำงานเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องของการจัดระเบียบ
ความปลอดภัย ควาสะอาด และบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
ถ้าครูจำไม่ผิดน่าจะมาจากประเทศญี่ปุ่นในตอนนั้นกิจกรรมนี้ดังมาก หน่วยงานต่าง
ๆให้ความสนใจและนำมาทำกันอย่างกว้างขวาง
ปัจจุบันน่าจะยังพอมีอยู่บ้างตามสถานประกอบการ
นักเรียนบางคนที่ครอบครัวทำธุรกิจโรงงานใหญ่ ๆอาจจะยังพอมีให้เห็น
กิจกรรมนั้นก็คือ กิจกรรม ๕ ส
โรงเรียนของเราก็พยายามทำอยู่
กิจกรรม ๕ ส เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับการจัดระเบียบและการทำความสะอาดในสถานที่ต่าง
ๆ เช่น บ้าน โรงเรียน ห้องเรียน และสถานที่ปฏิบัติงาน
เพื่อให้สถานที่เหล่านี้มีความเป็นระเบียบ สะอาด ปลอดภัยและมีบรรยากาศในการทำงานที่ดี
ทุกคนที่อยู่อาศัยมีความสุข
กิจกรรม
๕ ส เริ่มจาก สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ และสร้างนิสัย
นักเรียนลองหาความหมายและหลักการของ ๕ ส จะพบว่าในช่วงนี้กิจกรรม ๕
สช่วยอะไรเราได้หลายอย่างเลย ไม่ใช่อะไรหรอกบ้าน ครูก็ทำเหมือนกัน ได้ทั้งขยะ
ของที่จะรีไซเคิล บางอย่างก็นำไปแจกจ่าย พื้นที่บ้านครูเลยพอมีที่ว่างเพิ่มขึ้นสำหรับทำสวนครัวแบบไม่ปลูกบนดินอย่างที่ครูต้องการ
ลองดูนะแล้วเราแลกเปลี่ยนกัน
No comments:
Post a Comment