น้ำท่วมปีนี้หนักหนาสาหัส เรียกว่า ทำเอาเครียดไปตามๆ กัน
แต่เด็กเพลินฯ ต้องฝึกมองปัญหาเป็นโอกาส เป็นบทเรียนให้ได้
มาช่วยกันรวบรวมบทเรียนกันดีกว่า
บทเรียนที่ 1: คนไทยเน้นการวิ่งตามปัญหาโดยไม่มีข้อมูล มากกว่าการเตรียมการ
|
โฉมหน้าผู้บริหารจัดการน้ำท่วมปี 2554 |
ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำ:
ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม 54 เมืองไทยถูกกระหน่ำด้วยพายุนกเตน
ตามมาด้วยไห่ถาง นาเสด และนาลแก ปริมาณน้ำฝนขนาดไหนที่เราต้องจัดการ
พื้นดินดูดซับน้ำได้มากน้อยเท่าไหร่ เขื่อนแต่ละเขื่อนรับน้ำได้ขนาดไหน
ควรจะทำแผนการระบายน้ำให้เขื่อนมีพื้นที่รอรับน้ำฝนจากมรสุมลูกถัดไปอย่างไร เมื่อจะปล่อยน้ำออกมา ทางเดินของน้ำเป็นอย่างไร จะกระทบจังหวัดไหน
อำเภอไหนบ้าง พื้นที่ทางน้ำผ่านมี contour คือภูิมิประเทศ สูงต่ำยังไง
ตรงไหนเป็นแอ่ง ตรงไหนที่ดอน มีอุปสรรคของทางน้ำบ้างไหม
ตรงไหนเป็นจุดสำคัญที่ต้องป้องกัน ฯลฯ ความรู้ที่simple
ที่สุดที่ต้องมีก่อนจัดการปัญหาน้ำ คือ ธรรมชาติของน้ำหรือฟิสิกส์ของน้ำ น่าเสียดายที่ข้อมูลเยอะแยะที่ได้จากเทคโนโลยี ดาวเีทียม GIS และข้อมูลจาก CNN, CIA, กลับไม่เห็นว่าจะมาช่วยเราในยามวิกฤตได้
ข้อมูลด้านการบริหารรัฐกิจ:
เมืองไทยเน้นการกระจายอำนาจการบริหารและการปกครอง แต่มีใครรู้บ้างว่า
หน่วยงานไหนรับผิดชอบเรื่องของน้ำบ้าง ใครมีองค์ความรู้ด้านการจัดการน้ำ
จะประสานงานกันอย่างไร ใครคือคนที่จะได้รับผลกระทบ ชุมชนที่น่าจะจมบาดาลมีสภาพเป็นอย่างไร ใครเป็นกลุ่มแรกที่ต้องเข้าช่วยเหลือ นิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็น "อู่ข้าวอู่น้ำของสังคมทุนนิยม" ต้องรับมืออย่างไร มีใครรับผิดชอบที่จะบอกเขาให้เตรียมตัวไหม ฯลฯ การกระจายการปกครองให้ท้องถิ่น แต่ก็เห็นอยู่ว่า ท้องถิ่นทุกวันนี้ไม่มีข้อมูลลูกบ้านของตัวเอง หรือตรอกซอกซอยอะไรอยู่ตรงไหน เราจึงมีคนที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือมากมายขนาดนี้
|
ดร.สมิทธ ธรรมสโรช มูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติไม่ได้อยู่ในคปภ. |
|
ปราโมทย์ ไม้กลัด ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ |
ข้อมูลด้านทุกข์สุขของชาวบ้าน:
ข้อมูลนี้ต้องการความละเอียดเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ปัจจัย 4
อะไรที่จะได้รับผลกระทบ ที่อยู่อาศัย อาหารน้ำ ยารักษาโรค
ในยุคที่เราพึ่งพาเทคโนโลยี นอกจากเรื่องน้ำกินน้ำใช้แล้ว ห้องน้ำ ไฟฟ้า
โทรศัพท์ ทีวี และการเดินทางต้องเป็นปัจจัยที่นำมาพิจารณาเตรียมการรับมือ
เรื่องที่ต้องกังวลมากที่สุดคือ
ไฟฟ้า กับน้ำประปา
มีข้อมูลไหมว่า เมื่อไหร่จะถูกตัดไฟ หม้อแปลงไฟ
หรือมิเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งอยู่ที่ระดับปลอดภัยหรือไม่ ระบบการจ่ายไฟฟ้า
และน้ำสำรองอยู่ในสภาพไหน ต่อมาก็ต้องชวนกันดูว่า ใครมี
นวัตกรรมอะไรที่จะมาช่วยชาวบ้านได้บ้าง โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องสูญเสียทรัพย์สมบัติที่มีมูลค่าของคนไทยคือบ้าน กับรถยนต์ มีวิธีไหนที่จะช่วยให้เสียหายน้อยที่สุด
แต่ดูเหมือนการเตรียมการมีน้อยมากๆ
ไม่มีใครพูดถึงแผนรับมือกับภาวะน้ำท่วมอย่างจริงจัง
ทั้งที่อยุธยาถูกน้ำท่วมมาตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว
ซึ่งนานพอที่รัฐบาลจะทำแผนรับมือเพื่อลดความเสียหาย แต่ก็ยังเลือกวิธีเดิมๆ
คือ การ
ตั้งคณะทำงานที่มีอดีตอธิบดีตำรวจเป็นประธาน เรียกว่า ศปภ.
แต่ใครในคณะทำงานนี้มีภูมิรู้พอเป็นที่พึ่งของนายกฯ ได้
ทำไมยังส่งนายกฯ มาให้หน้าแตกอยู่บ่อยๆ ทุกครั้งที่นายกฯ บอกว่า
"เอาอยู่ค้า" พนังกั้นน้ำแตกทุกที ล่าสุดบอกว่า
เราจะไม่ย้ายศปภ.ไปจากดอนเมือง หม้อแปลงไฟก็ระเบิดซะจนต้องย้ายตัวเองออกมา
ผู้ว่ากทม.ก็เช่นเดียวกัน
ต้องทำงาน routineให้ดี เร่งจัดการให้เครื่องสูบน้ำใช้การได้ทุกเครื่อง
จัดการขุดลอกคลองกำจัดเครื่องกีดขวางทางน้ำ
พูดคุยกับชุมชนต่างๆ ในกทม.เพื่อขอความร่วมมือ
เตรียมแผนสำรองเพื่อการดูแลให้การระบายน้ำมีประสิทธิภาพ จัดเตรียมการอพยพผู้คน จะเอาเขาไปที่ไหน เตรียม service อะไรบ้าง ฯลฯ แต่ผู้ว่าก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
ผู้นำของเราสอบตกทั้งคู่เพราะ
ไม่ให้ความสำคัญเรื่องการเตรียมการ แถมยังแก้ปัญหาก็ไม่เก่งอีก
|
เข้าถึง จริงใจ สู้ไม่ถอย ... Hero ตัวจริง |
|
|
วันที่ชาวบ้านหมดแรง ยังมีทหารเป็นความหวังสุดท้าย |
ทหาร นักแก้ปัญหา = ฮีโร่ตัวจริง
เมื่อรัฐสอบตกทั้งเรื่องเตรียมการและแก้ปัญหา ...
ผลคือชาวบ้านเดือดร้อน นิคมอุตสาหกรรมเสียหาย ฯลฯ บทบาทพระเอกขี่ม้าขาวที่มาช่วยกู้สถานการณ์จึงตกเป็นของ
ทหารหาญ
จิตอาสาของชาวบ้าน และสื่อมวลชนอย่างไม่ค้านสายตากรรมการ
|
ได้ใจไปเต็มๆ |
|
อะไรๆ ก็ทหาร ที่พึ่งสุดท้ายของสังคม |
|
Hero ตัวจริงทุกคนเลย |
ทั้ง 3 กลุ่มคือ
นักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เยี่ยมยอด และคงจะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกยาวนานเพราะผู้บริหารไม่ทำงานแบบ proactive คือก่อนปัญหาจะเกิด ก็เตรียมพร้อมด้วยความเป็นมืออาชีพ และข้อมูลที่แม่นยำ เราไม่คาดหวังให้นายกฯต้องรู้เรื่องน้ำ แต่เขาต้องใช้คนให้เป็น
(รูปเด็ดๆ หลายรูปได้จาก http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kaenjai-pa&month=24-10-2011&group=6&gblog=10)
ถือเป็นเรื่องที่เด็กเพลินฯ ต้องเรียนรู้เสริมทักษะการทำงาน