Labels

9.28.2011

สอบเสร็จแล้ว จะไปเที่ยวได้เมื่อไหร?!


ตอบคำถามนี้ไว้ก่อนเลย จะได้มีกำลังใจ

นักเรียนมัธยมสอบเสร็จวันที่ 6 ตุลาคม 54  แล้วจะได้หยุดพักยาวจนถึงวันอังคารที่ 25 ตุลาคม 54  เปิดเทอมจิตตะ-วิมังสา  ยกเว้นเฉพาะคนที่มีเรื่องติดค้างกับคุณครูดังนี้ค่ะ
  • ไม่มีงานติดค้างใดๆ ที่จะทำให้ติด ร.
  • ในการสอบเก็บคะแนน หรือ quiz ที่ผ่านมา  ถ้าไม่ผ่านตัวไหนก็ไปตามแก้จนผ่านเรียบร้อยครบถ้วน
  • ไม่มีวิชาไหน หรือกิจกรรมบังคับที่เวลาเรียนไม่เพียงพอ
งานเดี่ยวหรือกลุ่มก็รีบเคลียร์ซะ
การที่ใครจะต้องมาเรียนซ่อมเสริม และสอบซ่อมหลังการสอบปลายภาค ก็จะต้องมีผลการเรียนทั้งภาคตก  คือไม่ถึง 50%  ซึ่งเป็นผลจากคะแนนเก็บ (จากสอบเก็บคะแนน quiz และ mid-term การส่งงาน กิจกรรม และการมีส่วนร่วมในห้องเรียน มีสัดส่วน 80%, 70%, 60%) บวกกับคะแนนสอบปลายภาค (ซึ่งมีสัดส่วน 20%, 30%, 40% แล้วแต่วิชา)

ดังนั้น ใครที่ส่งงานครบ ไม่ขาดเรียนหรือขาดกิจกรรม ไม่มีตก หรือตกแล้วก็แก้เรียบร้อย  โอกาสที่จะสอบปลายภาคตกอย่างย่ำแย่ก็จะมีน้อยมาก และน่าจะเตรียมซื้อตั๋วจองโปรแกรมไปเที่ยวได้เลยตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมนี้ค่ะ

แต่ถ้าพลาดตรงไหนหรือไม่มั่นใจก็รีบมาคุยกับคุณครูประจำวิชา  แล้วกำหนดวัน เวลานัดที่สะดวกตรงกันให้เรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้  เพราะสัปดาห์สอบไม่รับนัดแล้วค่ะ  คนที่มีงานค้างโดยไม่มีวี่แววว่าจะมาทำงานกับคุณครูจนเรียบร้อย  ผลการเรียนจะติด ร.ไว้ก็จะต้องแก้ให้เสร็จภายในกำหนด หรือถ้าตกจริงๆ เพราะคะแนนเก็บไม่ดี และคะแนนสอบปลายภาคก็ไม่ดีด้วย  รายงานผลการเรียนก็จะเป็น 0 ซึ่งเมื่อสอบแก้ตัวแล้ว จะได้ผลสอบเป็น 1

สรุปก็คือ ... นักเรียนคนไหนที่รู้สึกว่า ตัวเองมีอะไรค้างคากับคุณครู หรือยังไม่เข้าใจเรื่องไหนก็ให้รีบมาติดต่อคุณครูโดยด่วนที่สุด

9.24.2011

On the Catwalk

ดูออกมั้ยว่า เป็นใครบ้าง ...
วันพุธ&พฤหัสฯ ที่ผ่านมา นักเรียนชั้น 10 ไปทำจิตอาสาที่แปลกกว่าทุกครั้ง  ปกติเราเตรียมจะมอมแมมกับการไปช่วยน้ำท่วม ทาสี โบกรถ เลี้ยงน้อง โกยโคลนออกจากวัด  แต่การไปร่วมงาน   "Creative Fine Arts 2011 เศรษฐกิจสร้างสรรค์ จากต้นทุนทางวัฒนธรรม" จัดโดยกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร กรมศิลปากร  เจ๊ใหญ่ (คือแม่ต้นเอง อิอิ) สั่งห้ามมอมแมม รักษามาดให้เหมาะกับการไปร่วมงาน

งานนี้เป็นการนำผลงานการศึกษาวิจัยซึ่งเน้นโบราณคดี และวัฒนธรรมพื้นบ้านมาปรับ แปลง เพื่อสร้างสรรค์สินค้าใหม่ที่ผลิตโดยชุมชน  ซึ่งผู้จัดเรียกว่าเป็นการ "สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากทุนมรดกศิลปวัฒนธรรม"  ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายมาก มีทั้งเครื่องประดับบ้าน เครื่องใช้ และเครื่องประดับกาย แล้วเด็กเราไปเกี่ยวอะไรกับเขา ...

ผลิตภัณฑ์ชุดหนึ่งคืองานผ้า ประเภทผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ เนคไท ถ้าห้อยแขวนไว้ก็คงไม่น่าสนใจเท่ากับอยู่บนตัวนางแบบนายแบบ  แต่เนื่องจากเป็นงานการกุศล จัดที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้าซึ่งไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก  นักเรียนของเราก็ขอช่วย

ดู blocking ตกส้นสูงได้ แต่ห้ามเดินชนกัน
โจทย์ของเราคือ นักเรียนคิดว่าจะใส่ชุดอะไรให้ไปโทนเดียวกัน ต้องไม่ซื้อใหม่ให้เสียเงิน และทำให้ผลิตภัณฑ์โดดเด่นน่าสนใจ โดยไม่ดูเว่อเกินจนคนทั่วไปไม่กล้าใช้ ... เขาตกลงกันว่า เอาชุดสีดำซึ่งเคยใส่แสดงกันเมื่อตอนมหกรรมดนตรีชีวิตมัธยม เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา   ส่วนหนุ่มๆ ก็มีเชิ้ตสีดำกางเกงดำกันอยู่แล้ว ... แต่งหน้าแบบช่วยๆ กันกับคุณครูก็แล้วกัน

เด็กๆ เรียนหนังสือกันจนถึง 16:00 น.แล้วก็รีบขึ้นรถตู้ไปเซ็นทรัลฯ เพื่อพร้อมเดินตอน 17:30 น. โดยมีครูยูนำขบวน และมีเพื่อนเหม่งและเพื่อนน้ำรับหน้าที่ช่างภาพ

เตรียมใจให้พร้อม ... เราทำได้ เพราะเราภูมิใจในความเป็นเรา
นี่เป็นงานที่น่าตื่นเต้นหวาดเสียวระดับมากที่สุดของเด็กๆ ที่ต้องออกแบบวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ให้ดูน่าสนใจ เหมาะกับตัวเอง  และเป็นครั้งแรกสำหรับการขึ้น Catwalk  ไหวพริบและกลยุทธทุกเม็ดที่เคยฝึกกันมาถูกงัดขึ้นมาเพื่อควบคุมความตื่นกลัวต่อสายตาของผู้คน และความกังวลสารพัดเรื่อง ... จะเดินอย่างไร ไปทิศทางไหน ต้องยิ้มหรือไม่ยิ้ม ถ้าไม่ยิ้มแล้วดันยิ้มขึ้นมาจะทำยังไง หรือถ้าต้องยิ้มแล้วดันยิ้มไม่ออกจะทำยังไง  ถ้าเดินสะดุด ตกส้นสูง หรือผ้าคลุมหลุดล่ะ ...  อีกหลายสถานการณ์อันชวนตระหนก

ณ นาทีนั้น กลัวกันไหม ... กลัว แต่ถอยไม่ได้แล้ว  สิ่งที่ทำได้ในเวลานั้นคือ ทำให้ดีที่สุด และสนุกกับมันให้มากที่สุด
เดินเสร็จไปแล้ว ... ได้ยังไงเนี่ย ปลื้ม + งง + feel good อ้ะ
ผล: เด็กๆ ของเราทำให้ผู้ชม WOWwww ... ผลิตภัณฑ์ทุกสิ่งที่พวกเขานำมาพัน ผูก คล้องตามความคิดของแต่ละคนขายหมดเกลี้ยง  แถมยังมีผู้ชมตามมาดูผลงานในวันถัดมา  กล่าวกันว่า แฟชั่นโชว์ชุดนี้กลายเป็น highlight หนึ่งของงานทีเดียว
เป็นตัวเองกันทุกคนทีเดียวเชียว
ในความสำเร็จทั้งหมดของงานนี้ คุณครูพร้อมใจกรี๊ดสลบเมื่อหนุ่มซึ่งเงียบที่สุด นิ่งที่สุด บอกว่า "ครูครับ ผมอยากลองบ้าง ..." ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว คล้องเนคไท แล้วขึ้นไปเดินกับเพื่อนๆ อย่างมาดมั่น ตั้งใจ และสนุกกับมันไ้ด้  แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่า  นี่คือสิ่งที่ครูรอผลผลิตจากการบ่มเพาะเขาคนนี้มาตลอด 2 ปี BRAVOooooo!!!!

9.23.2011

Resilience ... ดีที่ได้ลอง

มีหลายคนถามถึงเรื่อง Resilience ที่ตัดจาก Smart English  แต่ไม่รู้จะ link มายังไง ก็เลยขอ copy & paste มาก่อนก็แล้วกัน

  "ถ้าเราต้องพบกับความล้มเหลวและผิดหวัง  เราจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ตัวเองย่อท้อ และพร้อมจะลุกขึ้นมาทำสิ่งนั้นใหม่อีก  เด็กหญิงอายุ 11 ปี เล่ามุมมองที่น่าสนใจของเธอว่า  หากเราทำถูกต้องแล้ว  เราก็จะรู้แต่วิธีที่ถูกต้องอยู่วิธีเดียว  แล้วเราก็จะทำสิ่งนั้นซ้ำๆ แก้ปัญหาแบบเดิมๆ เพราะมันปลอดภัยที่สุด  แต่ถ้าหากคำตอบของเราผิดพลาด เราจะต้องหาทางใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม เพื่อแก้ปัญหานั้น  บางครั้งก็อาจจะต้อง 2, 3, 4 ครั้งด้วยซ้ำ  ถ้าทุกครั้ง เราเห็นว่าเราได้เรียนรู้เรื่องใหม่จากความผิดพลาด เราจะได้เรียนรู้ตลอดเวลา

แม้เราจะไม่ชอบความล้มเหลว แต่ก็ต้องไม่รังเกียจมัน  เพราะเราได้เรียนรู้จากมัน และในอนาคตเราอาจจะได้ใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้นี้ก็ได้

นี่เป็นมุมมองหนึ่งของคนที่ไม่ถอยง่าย ล้มแล้วลุกขึ้นได้  การมีทางเลือกเยอะๆ ให้กับชีวิตและเพิ่มขีดความสามารถในการต่อสู้กับอุปสรรค ความพ่ายแพ้ ผิดหวัง หรือล้มเหลวจะช่วยพัฒนาคุณสมบัติของพลเมืองที่มีค่า

นักวิทยาศาสตร์ และนักประดิษฐ์เกือบทุกคนต้องผ่านกระบวนการล้มเหลว และเรียนรู้  คนที่มักจะนึกถึงบ่อยที่สุดคือ พี่น้องตระกูลไรท์  คนที่ทำความฝันของมนุษย์ที่อยากบินได้เป็นจริง ต้องผ่านประสบการณ์ "ล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ หาทางใหม่ อย่างไม่ย่อท้อ"

ความล้มเหลวจึงเป็นเพื่อนที่น่ารักของเราเช่นเดียวกันกับความสำเร็จนั่นหละ ... เนอะ!!!"

สวนผักคอรัส Mid Year Show

เด็กๆ ช่วยกันจัดพื้นที่ มีฝนปรอยเป็น background
วันนี้สวนผักคอรัสลองมาซ้อมในพื้นที่กึ่ง outdoor เป็นครั้งแรกที่หน้าห้องพยาบาล  โดยมีเด็กๆ ชั้น 7 ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของสมาชิกวงช่วยกันจัดการพื้นที่ ยกบอร์ด และเก้าอี้มาจากห้องเรียน ผู้ชมประกอบด้วยผู้ปกครองกับน้องประถมตัวน้อยๆ ที่จองที่นั่งตรงระเบียงห้องพยาบาลเพื่อดูครูกอล์ฟ คอรัส มาสเตอร์ เล่นเปียโนกำกับวงอย่างสบายๆ

วันนี้เห็นความแตกต่างไปจากเมื่อ 3 เดือนก่อนคือ  เด็กๆ อ่านสัญญาณของครูกอล์ฟได้ไม่หลุด  จับจังหวะได้แม่นขึ้นมาก  ฟังเสียงคนอื่นร้อง Ensemble ได้ดี  ตอนที่ต้องปรบมือประกอบจังหวะก็ทำได้พร้อมเพรียง มองกันเอง และมีพลังมากขึ้น  กล้าร้องด้วยเสียงที่ดังขึ้น

เป้าหมายของการเข้าวงดนตรี  ไม่ใช่เพื่อให้เด็กเป็นนักร้องนักดนตรี  แต่นี่เป็นเครื่องมือที่นุ่มนวลที่สุดในการฝึกนิสัยที่สำคัญมากสำหรับการเติบโตต่อไปในอนาคต

เมื่อปีที่แล้ว  เด็กที่มาขึ้นชั้น 7 มีชื่อเสียงโด่งดังในความเป็นตัวของตัวเอง ไม่นิ่งมากๆ แถมยังขี้อ้อน ... "ไม่เอาได้ไหม ไม่ไหวแล้ว ไม่สบาย" แต่เมื่อเข้าวงคอรัสได้ไม่นาน ก็เริ่มนิ่งขึ้น กำกับตัวเองได้มากขึ้น  ทำงานกับคนอื่นเป็นเพราะรู้จักที่จะฟัง

จับจังหวะแน่นเปรี๊ยะ ไม่มีหลุดเลย ดูแฟนตัวน้อยๆ จากฝั่งประถม
จอมซนคนหนึ่งบอกว่า  "ตอนแรกก็ไม่ชอบ แต่รู้ว่ายังไงเราก็ต้องฝึกทำสิ่งที่ไม่ชอบบ้าง  ก็ทำใจ  พอออกแสดงแล้วทำได้ ก็ภูมิใจมากครับ"  ประโยคอย่างนี้ ทำให้เห็นคุณประโยชน์ของคอรัสอย่างมหาศาลจึงได้จัดให้ดนตรีเป็นกิจกรรมหนึ่งที่เด็กชั้น 7 ทุกคนต้องทำ  โดยเลือกได้ว่า จะเล่นดนตรีกับวงออเคสตร้า Plearn Philharmonic Orchestra  หรือถ้าไม่เล่นดนตรี ก็ต้องเข้าวงสวนผักคอรัสที่ไปทำ surprise ซึ่งเปิดตัวอย่างอลังการที่ลานนาฬิกาแดดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ในชีิวิตจริง  เราไม่มีทางเลือกมากมายเสมอไป  บางครั้ง เมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรับภารกิจที่ไม่ชอบ ไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องทำ ทางเลือกจึงเหลือเพียงว่า จะทำมันอย่างมีความทุกข์ ความคับแค้นใจ ความเก็บกด  หรือจะหาความสุขจากสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ทำ สามารถมองหาด้านดี  ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือมองมันเป็นความท้าทาย แล้วสนุกกับโจทย์ของตัวเอง  

จะทำอย่างไร เมื่อลูกพากเพียรทำงานอย่างหนักเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย  แล้ววันหนึ่งบอกว่า ขอย้ายมหาวิทยาลัยเพราะไม่ชอบรับน้องหนัก ปีต่อมาก็ย้ายออกจากมหาวิทยาลัยที่สองเพราะไม่ชอบที่ต้องเรียนหนัก  อีกปีหนึ่งก็ย้ายออกจากมหาวิทยาลัยที่สาม เพราะห้องแลปไม่ดี ถัดมาอีกปีขอย้ายไปเรียนเมืองนอกเพราะเมืองไทยอากาศร้อน ... หรือลูกเราจะเป็นเจ้าของกิจการที่บอกลูกค้าว่า  ขอโทษทีนะ วันนี้ยังไม่ส่งงานตามนัด เพราะไม่อยากทำอ้ะ เอาไว้มีอารมณ์อยากทำเมื่อไหร่จะรีบส่งงานให้

คุณสมบัติหนึ่งของเด็กเพลินฯ ที่ต้องช่วยกันสร้างคือ เมื่อได้รับภาระหน้าที่ที่แม้ไม่อยากทำ  เด็กของเราจะมองหาด้านดีของงานนี้ได้   ถ้าไม่ฝึกวันนี้กับเครื่องมือที่นุ่มนวลที่สุดคือ ดนตรี ในพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด คือโรงเรียนเพลินฯ  ... แล้วจะรอไปฝึกอย่างเจ็บปวดเมื่อไหร่ กับใคร?!  ขอบคุณทั้งคุณครูและคุณพ่อคุณแม่นักร้องเสียงเบส และเสียงหวานทั้งหลายที่นั่งอยู่ข้างหลังเป็นกำลังสำคัญในการฝึกลูกๆ ค่ะ

9.21.2011

Learning Style ลีลาการเรียนรู้


มีคนแปล learning style ว่า ลีลาการเรียนรู้  มีคำอธิบายต่างๆ กันไป บางทีก็อิง multiple intelligence หรือทฤษฎีอิงบุคลิกภาพ  แต่ที่เห็นภาพร่วมๆ กันคือการแบ่งวิธีการเรียนรู้เป็น 3-4 กลุ่ม
  • Visual (spatial) learner: กลุ่มนี้เรียนได้ดีถ้ามีภาพประกอบ
  • Kinesthetic (movement) learner: กลุ่มนี้ต้องมีการเคลื่อนไหว ให้จับ ให้ทำด้วย  ให้นั่งนิ่งๆ คงแย่แน่นอน
  • Verbal (language) learner: กลุ่ม นี้มีความจำค่อนข้างดี  ทั้งจากการฟังและการอ่าน  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าใจ  ดังนั้นต้องให้เด็กกลุ่มนี้ได้อธิบายขยายความด้วย เพื่อให้มั่นใจว่า เข้าใจ และประยุกต์ได้
  • Logical learner: กลุ่มนักเชื่อมโยง เช็คความเป็นเหตุเป็นผล เข้าใจเรื่องกฎเกณฑ์ข้อตก  เขาสามารถเชื่อมโยงและเข้าใจได้ถ้ามีไดอะแกรม หรือชาร์ทแบบ mindmap หรือโยงผังความคิดสารพัดแบบประกอบไปด้วยก็จะเรียนรู้ได้ดีมาก

อีกแนวคิดหนึ่งเกี่ยวกับ Learning Styles

เด็ก แต่ละกลุ่มจะเรียนรู้ได้ดีในสิ่งแวดล้อม หรือวิธีการเรียนรู้ที่ถนัด  แต่อย่าลืมว่า ละแบบก็มีข้อเด่นและข้อจำกัดของตัวเอง เด็กคนไหนที่สามารถพัฒนาลีลาการเรียนรู้ที่หลากหลายก็จะปรับตัวได้ดีใน สถานการณ์ต่างๆ กัน
การรู้ว่าลูกเรา หรือนักเรียนคนนี้เป็นกลุ่มลีลาการเรียนรู้แบบไหนไม่ใช่คำตอบสุดท้าย  ถ้าคิดว่าลูกเป็นพวก Kinesthetic ก็ให้ครูเน้นการเคลื่อนไหว แต่ลองนึกภาพว่า เขาจะเรียนอย่างไรเมื่อเข้ากลุ่มที่เรียนด้วยการ lecture ถ้าไม่ได้ฝึกการเรียนรู้ด้วย verbal, visual, และ logical style  ในทำนองเดียวกัน  เด็ก logical ที่สนุกกับการคิดวิเคราะห์ ชอบแยกแยะ เปรียบเทียบ แต่ verbal กับ visual ไม่ดี  การคิดวิเคราะห์อาจจะขาดความถูกต้องแม่นยำ และสื่อสารกับคนอื่นไม่ค่อยได้ ก็จะกลายมาเป็นข้อจำกัดของลูกเรา  
พ่อ แม่ และครูที่ยอมจำนนกับลีลาการเรียนรู้ดั้งเดิมของลูก  โดยเฉพาะพวกที่บอกว่า เขาก็เป็นแบบนี้หละค่ะ คงมีปัญหาระยะยาว เพราะทักษะหลายเรื่องไปเรียนรู้เอาตอนโตนั้นยากกว่าเริ่มฝึกหัดกันตั้งแต่ เล็ก  อย่างช้าที่สุดก็มัธยมเนี่ยหละที่ต้องเริ่มแล้ว

ตารางสอบมัธยม

ตารางสอบมัธยมออกมาแล้วค่ะ  เพิ่งเคาะกันสดๆ เมื่อสักครู่นี้เอง  เพราะมีบางวิชาที่ต้องหารือกันเนื่องจาก พยายามจะปรับเวลาให้พี่ชั้น 11 ไม่ต้องเลิกสอบเย็นมากนัก   แต่ว่า คุณครูแต่ละวิชาขอเวลามาเป็นพิเศษตามนี้  ก็จำเป็นนะคะ  ต้องขอโทษที่ล่าช้าไปหน่อย

ส่งตารางสอบมาขึ้น blog ไว้ก่อน  เอกสารจะตามมาเพราะต้องมีจดหมายนำ ฯลฯ

สอบเสร็จแล้ว คนที่ไม่มีงานค้าง หรือเก็บคะแนนระหว่างเทอมผ่านหมดแล้ว ก็น่าจะปิดเทอมได้เลย ถ้าของพี่ชั้น 12 ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.  สำหรับน้องๆ ชั้นอื่นๆ ปิดตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.  กลับมาเจอกันตอนเปิดเทอมวันที่ 25 ต.ค. เลย  ดังนั้นขอให้แข็งใจเตรียมตัวสอบกันหน่อย เพราะจะได้พักกันตั้ง 3 สัปดาห์

อีกเรื่องหนึ่งคือ จะต้องแจ้งผปค.เฉพาะรายด้วยว่า มีนักเรียนคนใดที่ไม่มีสิทธิสอบเนื่องจากขาดเรียน หรือมาสายเกินกำหนด ซึ่งจะต้องมาดำเนินการขอสิทธิ์สอบต่อไปค่ะ 

มีคำถามติดต่อคุณครูประจำชั้นได้เลยค่ะ
คลิกเพื่อดูตารางสอบชั้น 7, 8, 9



คลิกเพื่อดูตารางสอบชั้น 10, 11






คลิกเพื่อดูตารางสอบชั้น 12

















9.19.2011

เตรียมตัวสอบปลายภาค 1-2554

หลังจากภาคสนาม กับงานชื่นใจฯ ของน้องม.ต้นจบ  ก็ึถึงเวลาเคลียร์สมอง  เตรียมสรุปการเรียนรู้เพื่อเข้าห้องสอบปลายภาคครั้งที่ 1 ปีการศึกษา 2554 กันแล้ว   ปีนี้ 
  • พี่ๆ ชั้น 12 จะเข้าสอบวันที่ 26, 28 และ 29 ก.ย. 54  ซึ่งเร็วกว่าน้องๆ 1 สัปดาห์  เนื่องจากจะต้องเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย  
  • ส่วนน้องๆ ชั้น 7-11 จะสอบวันที่ 3, 5, 6 ต.ค. 54   
  • หลังจากเข้าแถวเวลา 7:45 น. ก็เริ่มสอบวิชาแรกเวลา 8:30 น. 
คราวนี้  อย่าลืมบัตรนักเรียน  ตัดผมแต่งตัวให้เรียบร้อย และอย่ามาสายเด็ดขาด  ไม่อยากให้เสียประโยชน์ของตัวเอง

คุณครูจะประกาศผลสอบสำหรับคนที่จะต้องมาเรียนซ่อมเสริม และสอบซ่อมในสัปดาห์ถัดไปค่ะ

ใครมีแผนการจะไปเที่ยวเดือนตุลาคม ก็มีทางเดียวคือ  อย่าสอบให้ตกก็แล้วกัน  ดังนั้น ใครที่ยังติดค้างงานกับคุณครู และยังงงๆ กับเรื่องที่เรียนก็ให้รีบไปพบคุณครูด่วนๆ นะจ๊ะ  หรือใครอยากให้แม่ต้นช่วยยังไง มาหาได้เลยนะ

คนที่ยังต้องมาทำงานชื่นใจฯ ก็ให้มาได้ในวันที่ 7 ตุลาคมเลย  จะได้วางแผนการทำงานกันกะให้เสร็จภายใน 15 วันที่หยุดไป

อีกไม่เกินวันพุธนี้ ตารางสอบน่าจะออกมาได้แล้ว  ก็จะรีบมา post ให้นะคะ

9.18.2011

รับน้องใหม่ ชื่นใจชั้น 7

เน้นกระบวนการก่อน สาระเดี๋ยวตามมา
น้องชั้น 7  ถือว่าอยู่ในช่วงการเรียนรู้ และปรับตัว  เราเน้นให้เขากล้าบอกมาก่อนว่า ตัวเองสนใจอะไร ทั้งที่คุณครูก็ทราบว่า เหตุผลของการเลือกหัวข้อมีมากมาย  อาจจะไม่ใช่ความชอบจริงๆ
  • จำนวนไม่น้อยเลือกเรื่องง่ายไว้จะได้ทำเสร็จเร็วๆ
  • บางคน  เลือกเรื่องยากๆ ไว้ ให้ประทับใจพ่อแม่และคุณครู
  • บางคน เลือกตามเพื่อน จะได้เกาะกลุ่มกันทำ
  • บางคน ก็เลือกเพราะน่าจะหาข้อมูลง่าย
  • และบางคน  ก็ไม่รู้จะทำอะไรดีจนนาทีสุดท้าย ... กลุ่มนี้ จัดว่าโคม่า จำต้องรักษาอย่างเข้มข้นในเทอมหน้า
แต่ไม่เป็นไร ... เป้าหมายรอบแรกของชั้น 7 คือให้เห็น กระบวนการตั้งคำถาม & หาคำตอบอย่างเป็นวิทยาศาสตร์  เห็นภาพรวมและเป้าหมาย จะได้รู้วิธีการทำงานจริงๆ ว่าต้องการวินัยในการทำงาน ความสม่ำเสมอ การตัดสินใจ และความเต็มที่ขนาดไหน

หัวข้องานชื่นใจฯ ของชั้น 7 จึงอาจดูคล้ายกับรายงานเสียมากกว่า  แต่ถ้ายังตอบโจทย์คำถามที่ตัวเองตั้งไว้ก็ไม่เป็นไร  คุณครูทุกคนมีความเห็นว่า อย่างน้อย เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะวางแผนการทำงาน และจัดลำดับความสำคัญของชีวิตไปพร้อมๆ กับการประมาณกำลัง และศักยภาพของตัวเอง

ซ้อมฝืมือกันทุกโอกาส
อีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องเริ่มฝึกตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป คือ ฝึกจดคำบรรยาย (lecture) และตั้งคำถามกับสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเพื่อน  การบันทึกอย่างนี้ต้องอาศัยทักษะการฟังแบบจับใจความ และการคิดแบบวิพากษ์วิจารณ์หรือใช้วิจารณญาณไปพร้อมๆ กัน  ขณะเดียวกันก็ต้องฝึกรอที่จะถามเมื่อเพื่อนนำเสนอจบไม่ใช่โพล่งขึ้นมาระหว่างนำเสนอ

ผู้เรียน ผู้รู้
บรรยากาศงานชื่นใจฯ ในห้องชั้น 7 เป็นการเป็นงานมาก  powerpoint presentation เป็นงานที่ทำให้คุณครูเห็นว่า จะต้องฝึกเรื่องการจับ key word ให้ได้ในเทอมหน้า  มีการตั้งคำถามที่หลากหลาย มีทั้งแบบเป็น pattern เช่น ทำไมถึงทำโครงการนี้  มีอุปสรรคอะไรบ้าง  เน้นคำถามกับเรื่องราวที่มีความขัดแย้งกันเอง และหลายคำถามเป็นการเชื่อมโยงประสบการณ์จากที่อื่น  หรือเป็นคำถามแนวประยุกต์เพื่อไปใช้งาน หรือแก้ปัญหาจริงๆ  กระบวนการอย่างนี้หล่อเลี้ยงกันไปอีก 1-2 ปี คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของประชากรไทยไม่ไกลเกินเอื้อม

เด็กๆ จะรู้ตัวไหมนี่ว่า  นี่คือความสุขใจของคุณครูในกระบวนการที่เหนื่อยสาหัสมาตลอด 10 สัปดาห์ ...

4 วันกับชื่นใจฯ ...ได้เรียนรู้

หลัง 14:40 น. ตั้งแต่วันอังคารที่ 13-ศุกร์ที่ 16 กันยายน 54  เด็กมัธยมต้นจำนวน 86 คน กับคุณครูอีก 20 คนคือส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับเด็กมัธยมเพลินพัฒนา 

เป้าหมายของงานชื่นใจฯ สำหรับเด็กม.ต้นอยู่บนฐานคิดแบบ problem-based learning  ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เด็กๆ 12-15 ปีของเรามีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่สนใจมากขึ้นแล้ว  ยังช่วยให้แต่ละคนรู้จักตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านกระบวนการฝึกทักษะชีวิต ทักษะการทำงาน ทักษะความรู้บนสถานการณ์จริง  สำหรับคุณครูแล้ว งานนี้ทุ่มเทกำลังกันไม่น้อยกว่าภาคสนาม แต่ต้องการพลังใจ ความอึด ความอดทน และความกล้าหาญมากกว่าในการ "พากันไป" ให้ถึงเป้าหมาย

รอบนี้ กระบวนการแน่นขึ้นกว่าเดิม เพราะเราเรียนรู้จากประสบการณ์ปีที่ผ่านมา  ทำให้ได้เห็นการเติบโตของเด็กแต่ละคนชัดเจนขึ้นมากๆ  บางคนผ่านฉลุย ขณะที่บางคนยังจะต้องฝึกเรื่องสำคัญอีกบางเรื่อง แต่ก็นับว่า มีพัฒนาการที่ดีมาก

จะเล่นเพลงออกมายังไง ถามพิมเลยจ้า
โดยเฉพาะพี่ชั้น 9 ที่คุณครูสะสมข้อมูลของเด็กไว้เยอะ ช่วยให้ "กดปุ่มปล่อยพลัง" ถูกจุด  ยิ่งได้ชาร์จพลังชีวิตจากภาคสนามคราวนี้ทำให้ 2 สัปดาห์สุดท้ายคึกคัก และเข้มข้นทั้งตัวงาน และการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

Ginger & Pickles รอของป๊อบอีกนิดนะ
แม่ต้นมี advisee อยู่ทั้งหมด 12 คน  5 คนเป็นนักเรียนชั้น 9  ที่ทั้งครูทั้งนักเรียนช่วยกันผลักดันและดึง (บางทีต้องกระชาก 555) ศักยภาพแท้จริงที่ซุกซ่อนไว้เบื้องหลังความ "ง้องแง้ง งุงิ" ออกมาเป็นผลงานที่สุดยอดจริง  อีกไม่นาน เราจะมีนักไวโอลินที่ตีความดนตรีเป็นและถ้าฝีมือถึง จะขึ้นมายืนเป็น soloist ได้ในไม่กี่ปีข้างหน้า เราจะมีนักไวโอลินที่เปิดกว้างสำหรับธุรกิจ modern music  อีกสาวหนึ่งก็จะกลายเป็นเจ้าของกิจการไอศกรีม home-made (ขอให้ทำสูตรลดความอ้วนออกมาเร็วๆ นะ) สาวสุดท้ายยังรอบ่มผลงานอีกหน่อย แต่อย่างน้อยได้เรียนรู้กระบวนการทำงาน และกล้าเผชิญกับตัวเอง  ส่วนหนุ่มน้อยทำแม่ต้นและครูท๊อฟฟี่ใจหายใจคว่ำ เพราะเขารู้เป้าหมาย แต่เพิ่งค้นพบวิถีที่เหมาะกับตัวเองเอาตรงโค้งสุดท้าย แต่ก็ยังถือว่าไม่สาย 

ตอนหน้าจะเล่าเรื่องเด็กคนอื่นบ้าง พอเห็นภาพ และบรรยากาศ ... โปรดติดตาม